บริษัทกาแฟรายใหญ่ระดับโลกหลายบริษัท ไม่สามารถแสดงรายงานเกี่ยวกับการทำสัญญาอย่างโปร่งใส และแทบจะไม่ได้ทำอะไรเพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่าจะมีการพัฒนาด้านการทำฟาร์มและเกษตรกรอย่างยั่งยืน เรื่องนี้เป็นผลการค้นพบจากตัวชี้วัดใหม่ หรือ Coffee Barometer ซึ่งเป็นรายงานล่าสุดที่รวบรวมมาจากกลุ่มองค์กรในสาขาความยั่งยืน ได้แก่ Conservation International, Hivos, Oxfam Belgium และ Solidaridad รายงานมาจาก Ethos Agriculture
ในรายงานแสดงให้เห็นว่าผู้ค้าและโรงคั่วรายใหญ่ 15 ราย ยังไม่สามารถทำตามข้อควรปฏิบัติต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ของสหประชาชาติ ที่ซึ่งจะปรับปรุงการดำรงชีวิตและอนุรักษ์ธรรมชาติ อีกทั้งยังขาดความโปร่งใสในการผลิต การจำหน่ายและการบริโภคสินค้า ในขณะที่บางบริษัทมีนโยบายที่ครอบคลุม แต่ผู้ค้ารายใหญ่และผู้คั่วรายใหญ่หลายรายที่กล่าวถึงในรายงาน ยังไม่พบความชัดเจน หรือความคืบหน้าใดๆ เกี่ยวกับข้อตกลงด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ทำร่วมกัน อีกทั้งพวกเขายังขาดแบบแผนที่ครอบคลุม พร้อมเป้าหมายที่วัดผลได้ตลอดเวลา “ไม่มีใครทำได้ดีพอ” ผู้เขียนรายงานอ้าง
“บริษัท กาแฟขนาดใหญ่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าห่วงโซ่อุปทานของตนนั้นปราศจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการตัดไม้ทำลายป่า และพวกเขากำลังลงทุนเพื่อรายได้ของเกษตรกรที่สูงขึ้น มาตรฐานแรงงานที่ดีขึ้น และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” Stefaan Calmeyn ผู้จัดการโครงการกาแฟของ Oxfam Belgium กล่าว
เบื้องหลังปัญหาในอุตสาหกรรมกาแฟที่เกิดขึ้นมากมายมาจากราคากาแฟที่ตกต่ำสำหรับเกษตรกร สิ่งนี้ตรงกันข้ามกับมูลค่าที่ได้จากการบริโภคกาแฟกว่าหลายพันล้านเหรียญ
“แค่มีนโยบายยังไม่เพียงพอ หากคุณต้องการให้เราเชื่อว่าคุณทำได้ดี คุณต้องแสดงให้เห็น”
“เรามีเวลา 10 ปี ในการปฏิบัติตามข้อตกลง SDG และข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศของปารีส (Paris Climate Agreement)” Bambi Semroc รองประธานฝ่ายตลาดที่ยั่งยืนและกลยุทธ์ของ Conservation International กล่าว “มันเป็นเรื่องเร่งด่วนและก็เป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับอุตสาหกรรมกาแฟ ที่จะเป็นผู้นำผลักดันการลงทุนเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และค้นหาแนวทางแก้ไขที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คน ธรรมชาติและกาแฟ ในการสร้างภูมิทัศน์”
เบื้องหลังปัญหาในอุตสาหกรรมกาแฟที่เกิดขึ้นมากมายมาจากราคากาแฟที่ตกต่ำสำหรับเกษตรกร สิ่งนี้ตรงกันข้ามกับมูลค่าที่ได้จากการบริโภคกาแฟกว่าหลายพันล้านเหรียญ ซึ่งนับเป็นมูลค่าที่สูงมากในสหรัฐอเมริกาและยุโรป กระนั้นเกษตรกรยังไม่สามารถลงทุนในไร่กาแฟของตน หรือทำให้การผลิตมีความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งสิ่งนี้จำเป็นอย่างยิ่งหากต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
กิจกรรมเพื่อความยั่งยืนของบริษัทกาแฟต่างๆ มักจะมุ่งเน้นไปที่การขยายการผลิตกาแฟในระดับไร่กาแฟ
“โดยทั่วไปในภาคส่วนอุตสาหกรรมกาแฟตอนนี้ มีบางส่วนตระหนักว่าเราห่างไกลที่จะบรรลุเป้าหมายขั้นพื้นฐานทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม” Sjoerd Panhuysen นักวิจัยจาก Ethos Agriculture กล่าว “กิจกรรมเพื่อความยั่งยืนของบริษัทกาแฟต่างๆ มักจะมุ่งเน้นไปที่การขยายการผลิตกาแฟในระดับไร่กาแฟ แม้ว่าจะมีบางส่วนสามารถทำได้ในเรื่องความยั่งยืน แต่ก็ยังเป็นภาคส่วนเล็กๆ เท่านั้น ยังไม่สามารถกระจายในระดับใหญ่ขึ้นได้”
Coffee Barometer ขอให้ดาวเด่นในวงการก้าวขึ้นมา บริษัทกาแฟรายใหญ่ระดับพันล้านดอลลาร์ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของโครงการความร่วมมืออย่างน้อยหนึ่งโครงการ เพราะพวกเขามีศักยภาพในการมีอิทธิพลต่อการกำกับดูแลนโยบายและข้อตกลงด้านความยั่งยืนระดับโลก ผู้ค้าและผู้คั่วบางรายได้ขอให้มีกฎบังคับในด้านความยั่งยืนเพื่อที่พวกเขาจะได้มีโอกาสที่จะก้าวไปข้างหน้าและใช้ความร่วมมือเหล่านี้เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แท้จริง
หากมูลค่าที่ได้รับจากกาแฟสูงขึ้น คือการที่มูลค่าที่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟได้รับ ถ้าเช่นนั้นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากหลายฝ่ายจำเป็นต้องมีข้อตกลงร่วมกันมากกว่าที่จะมาดูเรื่องงบประมาณเล็กๆ น้อยๆ ควรมีวิธีการทำงานอย่างตรงไปตรงมาที่สามารถแสดงให้เห็นขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้เราเห็นผลสะท้อนที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน
โดย David Foxwell
นิตยสาร STiR coffee and tea
Comments