top of page
Writer's picturecoffeetravelermag

The Champion of 3 stages in Seoul Cafe Show 2022


Cr : Coffee Traveler

" ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมามีหลายเวทีการแข่งขันเกิดขึ้นค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของงาน Seoul Café Show 2022 งานนิทรรศการใหญ่ที่รู้จักกันดี ในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม "


ในปีนี้ความเคลื่อนไหวของวงการกาแฟค่อนข้างจะคึกคักเป็นพิเศษ อาจด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ที่เบาบางลงบ้างแล้วทำให้กิจกรรมงานอีเว้นท์ หรือ Exhibition กลับมาจัดอย่างเต็มรูปแบบ แน่นอนว่าเวทีการประกวดเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของงานนิทรรศการและเป็นไฮไลท์ที่คนส่วนใหญ่รอคอย ทำให้มีเวทีการประกวดหลายเวทีใหญ่ระดับโลกจัดขึ้นเพื่อต้อนรับผู้ท้าชิงในแต่ละรายการ นับว่าเรียกคะแนนเสียงของการเข้าร่วมการแข่งขันได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมามีหลายเวที


การแข่งขันเกิดขึ้นค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของงาน Seoul Café Show 2022 งานนิทรรศการใหญ่ที่รู้จักกันดีในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ทำให้มีผู้เข้าแข่งขันมากหน้าหลายตาที่ขึ้นมางัดไม้เด็ดโชว์สกิลสด ๆ กันบนเวที ทั้งในรายการของ World Coffee Battle และ Korea Coffee League เช่น World Latte Art Battle (WLAB), Master Of Cupping (MOC), Master Of Brewing (MOB), และ Korea Barista Championship (KBC) เรียกได้ว่ายกขบวนเวทีระดับโลกมารวมไว้ในที่เดียวเลยก็ว่าได้


Cr : Coffee Traveler

" เรื่องราวเบื้องหลังของการแข่งขันทั้งจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้ามาในแวดวงกาแฟ ประสบการณ์และการฝึกซ้อม รวมถึงมุมมองความคิดต่อกาแฟและการแข่งขัน "


นอกจากเวทีที่เปิดต้อนรับอย่างเต็มที่แล้ว ทางฝั่งของผู้เข้าแข่งขันเองก็ให้เสียงตอบรับกันอย่างเนืองแน่นและต่างก็โชว์ฝีไม้ลายมือกันแบบไม่หวงวิชาเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่าในแต่ละรายการจำเป็นต้องเฟ้นหาผู้ชนะ ทำให้โจทย์

หรือกติกาค่อนข้างเข้มงวดและท้าทาย Coffee Traveler มีโอกาสได้พูดคุยกับ The Winner จาก 3 รายการ ถึงเรื่องราวเบื้องหลังของการแข่งขัน ทั้งจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้ามาในแวดวงกาแฟ ประสบการณ์ และการฝึกซ้อม รวมถึงมุมมองความคิดต่อกาแฟและการแข่งขัน


ขออนุญาตนำเข้าสู่ประเด็นของคอลัมน์นี้ด้วยบาริสต้าหญิง คุณ Yeseul Choi หรือคุณ Cindy ผู้ชนะเจ้าของรางวัล 2022 Korea Barista Championship (KBC) ซึ่งคุณซินดี้เป็นบาริสต้าประมาณ 4 ปี โดย 2 ปีในประเทศออสเตรเลีย และอีก 2 ปีที่ประเทศเกาหลีจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก่อนเข้ามาเป็นบาริสต้าอย่างเต็มตัว คุณซินดี้เคยทำงานฝ่ายคัดเลือกนักแสดง ในฐานะผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ และทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับ Youtube ช่องหนึ่ง หลังจากนั้นจึงได้ตัดสินใจขอวีซ่า Working Holiday ของทางประเทศออสเตรเลีย เพื่อไปเรียนและทำงาน ซึ่งการเดินทางไปประเทศออสเตรเลียในครั้งนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการเป็นบาริสต้าของคุณซินดี้เลยก็ว่าได้


Cr : Coffee Traveler

“งานแรกตอนอยู่ที่เมืองโกลด์โคสต์ (Gold Coast) ประเทศออสเตรเลียคืองานบาริสต้า เพราะเราคิดว่าเป็นงานที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ถือ Working Holiday Visa เนื่องจากได้มีโอกาสฝึกพูดภาษาอังกฤษได้มากกว่างานอื่น และสามารถรับงานได้หลายที่ ดังนั้นการเป็นบาริสต้าจึงมีเหตุผลหลักคือการได้ฝึกภาษาอังกฤษและรับงานได้หลายงาน แต่เมื่อได้ทำกาแฟและอยู่กับกาแฟทุก ๆ วัน พร้อมพูดคุยกับลูกค้า ทำให้กลายเป็นว่าเราหลงรักกาแฟและอาชีพนี้ไปเลย”


ประสบการณ์ของการทำงานในฐานะบาริสต้าที่ออสเตรเลียทำให้คุณซินดี้ ได้ทำความรู้จักและสนใจเกี่ยวกับกาแฟมากขึ้น หลังจากนั้นในปี 2020 ประเทศออสเตรเลียเริ่มมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) รุนแรงขึ้น ทำให้คุณซินดี้จำเป็นต้องเดินทางกลับประเทศเกาหลี แต่อีกหนึ่งเหตุผลหลักที่เดินทางกลับเป็นเพราะอุปสรรคทางด้านภาษา ซึ่งคุณซินดี้ต้องการเรียนรู้ด้านกาแฟให้ได้ลึกมากที่สุด จึงตัดสินใจกลับมาศึกษาเรื่องกาแฟต่อที่ประเทศเกาหลีทันที รวมถึงการเป็นบาริสต้าด้วยเช่นกัน นอกจากนี้คุณซินดี้ยังเล่าให้เราฟังถึงตลาดกาแฟในเกาหลีอีกด้วย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่และเติบโตอย่างก้าวกระโดดพอสมควร


Cr : Coffee Traveler

" กรุงโซลถือเป็นตลาดกาแฟที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี เนื่องจากวัฒนธรรมที่ชื่นชอบกาแฟ จึงมีร้านกาแฟและร้านแฟรนไชส์มากมายในแต่ละช่วงตึก รวมถึงร้านกาแฟพิเศษก็เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด "


“กรุงโซลถือเป็นตลาดกาแฟที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี เนื่องจากวัฒนธรรมที่ชื่นชอบกาแฟ จึงมีร้านกาแฟและร้านแฟรนไชส์มากมายในแต่ละช่วงตึก รวมถึงร้านกาแฟพิเศษก็เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งลูกค้าทั่วไปไม่ได้มาร้านกาแฟเพราะเป็นร้าน Specialty Coffee เท่านั้น แต่รวมถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ของร้าน ซึ่งทำให้แต่ละร้านในเกาหลีต่างสร้างตัวตนเพื่อดึงดูดลูกค้าในหลาย ๆ กลุ่ม ดังนั้นด้วยความพยายามของหลายแห่งทำให้ร้านกาแฟในเกาหลีเติบโตขึ้น ซึ่งเป็นทั้งร้านที่เข้ากับยุคสมัยและชงกาแฟได้ดีในเวลาเดียวกัน”


ในส่วนของการแข่งขันถือเป็นอีกความท้าทายสำหรับพิสูจน์ความสามารถและลองวิชาของประสบการณ์การเป็นบาริสต้าที่ผ่านมา คุณซินดี้จึงไม่รอช้าตัดสินใจลงประลองฝีมือตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกของการลงแข่งทำให้เกิดความตื่นเต้นและประหม่าเป็นธรรมดา ทำให้ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย แต่ในปีนี้ผลจากการเตรียมตัวอย่างเต็มที่ พร้อมด้วยประสบการณ์จากคราวก่อนที่ช่วยผลักดันให้คุณซินดี้ต้องฝึกฝนและอดทนมากขึ้นทั้งในเรื่องของการชงกาแฟ การเคลื่อนไหวขณะ Performance และการพูดพรีเซนต์ ซึ่งการฝึกซ้อมทุกวันในแต่ละส่วนของการแข่งขันเป็นผลให้คว้าตำแหน่ง The Winner Of 2022 Korea Barista Championship (KBC) ไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย เรียกได้ว่าเห็นความพยายามในแบบเป็นรูปธรรมกันเลยทีเดียว


“เพื่อชดเชยปีที่แล้ว เราเลยเตรียมตัวพอสมควรสำหรับปีนี้ และได้เตรียมการแข่งภายใต้หัวข้อ ‘Interaction’ รวมถึงฝึกซ้อมในส่วนของเอสเพรสโซทุกวันช่วงเดือนพฤศจิกายน แต่ในการเตรียมเมล็ดกาแฟคั่วและสูตรเอสเพรสโซ ใช้เวลาค่อนข้างหลายเดือนในการเตรียม เพื่อต้องการเน้นคาแรคเตอร์ของกาแฟให้ออกมาในทาง Bright, Full Body และ Balance รวมถึงจำเป็นต้องฝึกการเคลื่อนไหวระหว่างโชว์ให้เป็นธรรมชาติ และฝึกการพูดนำเสนอให้หลื่นไหล เนื่องจากมีการตัดสินในหัวข้อ ‘Judges Total Impression’ เราเลยจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนในทุก ๆ ส่วนของโชว์ให้ออกมาได้ดีที่สุด”


นอกจากนี้คุณซินดี้ยังบอกอีกว่าในการแข่งขันไม่สามารถผ่านไปได้อย่างดีด้วยตัวคนเดียว แต่จำเป็นต้องมีกำลังซัพพอร์ตของคนรอบข้างเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้คำแนะนำและเข้ามามีส่วนร่วมในการฝึกฝน จึงจะสามารถแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องตามหลักกติกาของเวทีการแข่งขัน ซึ่งเมื่อลองพินิจพิจารณาตามก็พบว่าเป็นจริงเหมือนอย่างที่คุณซินดี้กล่าว ในการเข้าเส้นชัยนั้น ถึงแม้จะเข้าไปด้วยตัวคนเดียวแต่หากมองย้อนกลับมา กลับพบว่ามีคนที่คอยสนับสนุนและเป็นกำลังเสริมที่สำคัญเลยทีเดียว


Cr : Coffee Traveler

" กาแฟมีพลังในการรวบรวมผู้คน เราสามารถคุยกับใครก็ได้ที่สนใจในเรื่องกาแฟเหมือนกัน และยังคุยกันได้ทั้งวันพร้อมกาแฟดี ๆ สักแก้ว รวมถึงชวนกันพูดคุยถึงกาแฟตัวใหม่ ๆ ที่ได้ชิม "


ในส่วนของเรื่องรางวัลและการเป็นที่รู้จักอาจเป็นเรื่องรองสำหรับคุณซินดี้ เนื่องจากตัวคุณซินดี้เองมองในเรื่องของโอกาสและการพัฒนาให้ก้าวต่อไปเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าการได้รับโล่รางวัล


“นอกจากรางวัลที่ได้คือการได้รับโอกาสในการเข้าไปดูแหล่งผลิตกาแฟ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยากทำอยู่แล้ว เพราะหนึ่งในความฝันคือการได้ไปดูสวนกาแฟและพื้นที่การผลิต รวมถึงไปสัมผัสขั้นตอนของกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำด้วยตัวเอง จึงรู้สึกขอบคุณสำหรับโอกาสที่ได้มาพร้อมรางวัลในปีนี้ ซึ่งมองว่าจะสามารถต่อยอดจากจุดเริ่มต้นครั้งนี้ไปได้กว้างมากขึ้น และไม่ใช่แค่ในเกาหลีแต่เป็นวงการกาแฟทั่วโลก นอกจากนี้เรามีแพลนจะเข้าร่วมการแข่งขันกับบาริสต้าและนักคั่วในเวทีอื่น ๆ ให้มากขึ้น เพื่อพัฒนาฝีมือและทักษะต่อไป”


บอกได้เลยว่าการได้พูดคุยกับคุณซินดี้ในครั้งนี้ทำให้ได้กลิ่นอายของแพสชันสำหรับการทำงานด้านกาแฟที่มีเป้าหมายชัดเจนในเส้นทางของการเป็นบาริสต้าที่อยากจะพัฒนาฝีมือของตัวเองต่อไป เพื่อเข้าไปอยู่ในสนามที่กว้างขึ้นและรายล้อมไปด้วยผู้มากประสบการณ์ อีกทั้งทัศนคติมุมมองที่มองว่าการได้ทำกาแฟดี ๆ เสิร์ฟให้กับลูกค้า และพูดคุยหรือแลกเปลี่ยนเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟถือเป็นพลังขับเคลื่อนของชีวิต จึงทำให้อดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไปได้ไกลและประสบความสำเร็จมากเพียงใด


“กาแฟมีพลังในการรวบรวมผู้คน เราสามารถคุยกับใครก็ได้ที่สนใจในเรื่องกาแฟเหมือนกัน และยังคุยกันได้ทั้งวันพร้อมกาแฟดี ๆ สักแก้ว รวมถึงชวนกันพูดคุยถึงกาแฟตัวใหม่ ๆ ที่ได้ชิม นอกจากนี้ในฐานะบาริสต้าเรามีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำกาแฟเสิร์ฟให้กับลูกค้า เมื่อลูกค้ามีความสุขจากกาแฟที่เราทำ สิ่งนี้ก็กลับมาเป็นพลังให้ทำกาแฟดี ๆ ออกมา และทำให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีความสุขด้วยเช่นกัน”


ก่อนจบบทสนทนาคุณซินดี้ได้ฝากให้กำลังใจถึงคนที่กำลังพยายามฝึกฝนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรนำมาบอกต่ออย่างยิ่ง และเป็นการสรุปจบเรื่องราวของบาริสต้าหญิงคนนี้ได้อย่างดีเลยทีเดียว


“สำหรับคนที่กำลังไปให้ถึงเป้าหมาย ขอให้พยายามและฝึกฝนต่อไป และหากอยากขอบคุณกำลังสำคัญที่คอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง จำเป็นที่จะต้องพยายามให้ดีที่สุดและเชื่อในสิ่งที่กำลังทำ จึงจะเป็นการขอบคุณคนที่สนับสนุนเราได้เป็นอย่างดี รวมถึงตัวเองก็จะถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้และมีผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน”


แน่นอนว่าคุณซินดี้ยังคงตั้งใจทำหน้าที่บาริสต้าและพัฒนาฝีมือของตนเองอยู่ตลอด เหมือนอย่างวันแรกที่ก้าวเข้ามาในโลกของกาแฟจนถึงวันที่ได้พูดคุยกัน เช่นเดียวกับคุณ Choe Je Min แชมป์จากการแข่งขันรายการ 2022 Master Of Cupping (MOC) ซึ่งใช้เวลาฝึกซ้อมก่อนการแข่งขันเป็นเวลา 3 เดือน แต่สำหรับการคัปปิ้งใช้เวลาถึง 2 ปี และหากถามถึงระยะเวลาของความหลงใหลในกลิ่นและรสชาติของกาแฟแล้ว คุณเจมินตอบมาอย่างทันควันได้อย่างชัดเจนว่าดื่มกาแฟมาครบ 7 ปีแล้ว


Cr : Coffee Traveler

" การฝึกฝนในสิ่งเดิม ๆ ทุกวัน พร้อมกับการต้องใช้สมาธิค่อนข้างสูงเป็นสิ่งที่หนักหนาสาหัส เนื่องจากในแต่ละวันต้องใช้พลังไม่น้อย แต่การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและมีวินัยในการฝึกฝนไปทีละเล็กทีละน้อยจะทำให้การฝึกฝนเป็นสิ่งที่สนุกขึ้นมาได้ "


ณ ตอนที่พูดคุยกัน คุณเจมินยังคงเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่รักในการชงและการชิมกาแฟมาตั้งแต่ตอนเริ่มดื่มกาแฟ ซึ่งคุณเจมินเล่าให้ฟังว่าเริ่มแรกเดิมทีชอบกาแฟเพราะคาเฟอีน เนื่องจากทำให้รู้สึกตื่นตัวและมีพลังในการทำกิจกรรม แต่เมื่อได้ลองชิมกาแฟพิเศษ กลับชอบในกลิ่นและรสชาติที่ค้างอยู่ในปากที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกาแฟตัวนั้น รวมถึงการได้ลองกาแฟตัวใหม่ ๆ พร้อมพูดคุยกับคนที่ชอบเหมือนกัน จึงเป็นการดื่มกาแฟเคล้าเสียงบทสนทนาที่คุณเจมินมองว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการดื่มกาแฟ ทำให้เกิดความสนใจและอยากเข้าถึงรสชาติกาแฟให้ได้มากที่สุด


จากจุดเริ่มต้นของการตื่นเต้นที่ได้สัมผัสรสชาติกาแฟในแต่ละตัว กลายเป็นเชื้อเพลิงของความต้องการเรียนรู้และเข้าใจในด้านการชิมกาแฟที่ลึกขึ้น ส่งผลเป็นแรงขับเคลื่อนให้อยากลองเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อทดสอบทักษะที่ซุ่มฝึกฝนมาตั้งแต่เนิ่น ๆ


“หลังจากที่ได้เรียนรู้ด้านการชิมมาสักระยะหนึ่ง และเข้าใจในหลักการหรือเทคนิคต่าง ๆ มากขึ้น จึงอยากทดสอบศักยภาพและความสามารถของตัวเอง ซึ่งมุมมองเกี่ยวกับการแข่งขันของเราในตอนแรกเป็นเพียงความสนุกที่อยากรู้ อยากลอง แต่เมื่อได้เข้าไปอยู่ในเวทีที่เต็มไปด้วยคนเก่งจากหลายประเทศ ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นมีความจริงจังพร้อมเป้าหมายที่ชัดเจนบนทางเดินของตัวเอง ทำให้รู้สึกว่าเราได้รับแรงบันดาลใจสำหรับการมีเป้าหมายที่อยากจะเอาชนะตัวเองให้ได้สักครั้ง จึงตัดสินใจลงแข่งขันในปีนี้อย่างจริงจัง รวมถึงฝึกซ้อมทุกวันก่อนการแข่งขันประมาณ 3 เดือน ซึ่งในการฝึกซ้อมเราทุ่มเทสุดตัว และ Cupping กาแฟไปประมาณ 700 ถ้วย”


นอกจากนี้คุณเจมินยังบอกอีกว่าการฝึกฝนในสิ่งเดิม ๆ ทุกวัน พร้อมกับการต้องใช้สมาธิค่อนข้างสูงเป็นสิ่งที่หนักหนาสาหัส เนื่องจากในแต่ละวันต้องใช้พลังไม่น้อย แต่การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและมีวินัยในการฝึกฝนไปทีละเล็กทีละน้อยจะทำให้การฝึกฝนเป็นสิ่งที่สนุกขึ้นมาได้ อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่เกินคาดอีกด้วยหลังจากการแข่งขันเวทีนี้จบลง ความฝันอีกหนึ่งเป้าหมายใหญ่ที่คุณเจมินพร้อมชนคือ การเป็นแชมป์ในรายการ World Cup Tasters Championship (WCTC) ซึ่งเป็นเวทีใหญ่ระดับโลกอีกเวทีหนึ่งที่คุณเจมินอยากพาตัวเองไปถึงจุดนั้นให้ได้ อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับโล่รางวัลในครั้งนี้คือ หลักสูตรฝึกอบรม หรือ Training Course ที่ลาตินอเมริกา (Latin America) ซึ่งเป็นโอกาสที่คุณเจมินมองว่าจะได้สัมผัสถึงอุตสาหกรรมกาแฟทั้งระบบอย่างแท้จริง รวมถึงเป็นการเปิดประสบการณ์ในเรื่องราวของกาแฟที่กว้างขึ้น


Cr : Coffee Traveler

" กาแฟเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาเรียนรู้ไปตลอดโดยไม่มีวันจบหลักสูตรหรือไม่มีใบปริญญาเหมือนการเรียนมหาลัยฯ "


“การได้เข้าไปเทรนด์ในหลักสูตรนี้เรามองว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญของชีวิตตั้งแต่ดื่มกาแฟมา เพราะเป็นการเปิดโลกกาแฟที่ใหญ่ขึ้นเกินกว่าข้อมูลที่เรามีอยู่ในหัว เรารู้สึกขอบคุณกาแฟที่เป็นเรื่องราวให้ได้ศึกษาและทำความเข้าใจได้ไม่สิ้นสุด ทำให้พบเจอสิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลาซึ่งไม่ใช่แค่รสชาติเพียงอย่างเดียว เราหวังว่าการไปลาตินอเมริกาในครั้งนี้จะเป็นประสบการณ์ที่ดีในชีวิตของการดื่มกาแฟอีกเรื่องหนึ่ง”


เรียกได้ว่าความพยายามและความตั้งใจของคุณเจมินยิ่งใหญ่ไม่แพ้เป้าหมายเลยทีเดียว จากการได้ฟังเรื่องราวตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงขั้นตอนของการฝึกซ้อมสิ่งหนึ่งที่เราสังเกตเห็นได้จากนักศึกษาธรรมดาคนนี้คือ การมีเป้าหมายที่ชัดเจนพร้อมด้วยความใส่ใจในทุกก้าวของการเดินเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายหรือความฝันที่ทดไว้ในใจ นอกจากนี้เรายังมองเห็นแววตาของความรักในการดื่มกาแฟอย่างเห็นได้ชัด


“แม้จะผ่านมา 7 ปีแล้ว สำหรับการดื่มกาแฟ แต่เรายังรู้สึกเหมือนเพิ่งได้เริ่มทำความรู้จักกับกาแฟเมื่อไม่นานมานี้ อาจเป็นเพราะกาแฟเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาเรียนรู้ไปตลอดโดยไม่มีวันจบหลักสูตร หรือไม่มีใบปริญญาเหมือนการเรียนมหาลัยฯ สำหรับคนที่กำลังฝึกเกี่ยวกับทักษะด้านกาแฟ สิ่งสำคัญคือการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและจดจ่อกับเป้าหมายให้เต็มที่ ซึ่งเรามองว่าทั้งการฝึกฝนและการมีเป้าหมายเป็นสิ่งเดียวกัน เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วจะทำให้เราเดินไปได้ไกลขึ้นจากจุดเริ่มต้นแน่นอน”


แม้เป็นเพียงคำพูดแต่กลับสร้างพลังในการเป็นแรงบันดาลใจได้อย่างดี ซึ่งเหนือคำพูดคงเป็นผลลัพธ์ของความพยายามของคุณเจมินที่แสดงออกมาให้เห็นในเวทีการแข่งขันได้ชัดเจนจากการเป็นแชมป์ของปีนี้ การมีเป้าหมายอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอให้ไปถึงจุดที่ปักหมุดไว้ หากขาดสิ่งสำคัญอย่างการฝึกฝน


Cr : Coffee Traveler

" เรามองว่าถ้าเข้าใจหรือรู้จักกาแฟในมือดี การใช้วิธีการที่ไม่ซับซ้อนจะมาพร้อมผลลัพธ์ที่มีศักยภาพเสมอ "


ผ่านไปแล้วกับ 2 แชมป์ที่เต็มไปด้วยพลังของความมุ่งมั่นตั้งใจ อีกหนึ่งท่านสุดท้ายจากรายการ 2022 Master Of Brewing (MOB) คุณ Cho Hyun - Woo เจ้าของร้านกาแฟ The Nest Coffee ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลี พ่วงด้วยตำแหน่ง Educator ที่สอนเกี่ยวกับกาแฟอย่างครบวงจรภายใต้หลักสูตรมาตรฐานระดับสากลของสมาคมกาแฟพิเศษ (SCA) โดยคุณฮยอนวูทำงานด้านกาแฟได้ประมาณ 7 ปี ซึ่งจุดเริ่มต้นของการเข้ามาในวงการกาแฟค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว และสิ่งที่ทำให้คุณฮยอนวูรักในการทำงานด้านกาแฟมาโดยตลอดคืออะไร คอลัมน์นี้ถือเป็นโอกาสของการได้รู้ถึงคำตอบนั้นอย่างชัดเจน


“เรียกได้ว่าตกหลุมรักกาแฟเลยก็ได้ เพราะเรารู้สึกว่ากาแฟเป็นอะไรที่สนุกและไม่จำเจ ในตอนแรกเราทำงานในร้านกาแฟเพื่อนำเงินมาจ่ายค่าเทอม แต่เมื่อเปิดใจเรียนรู้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า จึงเริ่มรู้สึกว่ากาแฟเป็นผลไม้ที่พิเศษและเป็นเครื่องดื่มที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว จากนั้นก็เริ่มตกหลุมรักลาเต้อาร์ตและการคั่วทำให้ศึกษาเกี่ยวกับกาแฟมากขึ้นในทุก ๆ ด้าน หลังจากนั้นก็ตัดสินใจเปิดร้านและเป็นผู้สอน รวมถึงเป็น Consultant ด้วย ซึ่งเรามองว่างานตรงนี้เป็นงานที่สนุก เพราะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้อยู่ตลอดเวลา กาแฟจึงกลายเป็นสิ่งที่ให้อะไรมากกว่าการเป็นเครื่องดื่มสีน้ำตาล”


นอกจากบทบาทที่เป็นทั้งเจ้าของร้าน ผู้สอน และผู้เข้าแข่งขันในหลายเวทีแล้วคุณฮยอนวูยังเคยได้รับโอกาสให้ไปเป็นกรรมการตัดสินด้าน Sensory ในเวทีการแข่งขัน Korea National Barista Championship (KNBC) และเป็นโค้ชรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศในเวที Korea Latte Art Championship (KLAC) อีกด้วย บอกได้เลยว่าเส้นทางการทำงานด้านกาแฟของคุณฮยอนวูถึงพริกถึงขิงและครบเครื่องอย่างยิ่ง หากต้องพูดถึงการแข่งขันในหลายเวที


Cr : Coffee Traveler

ที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้นต้องขึ้นเล่มถัดไปเป็นแน่ เนื่องจากคุณฮยอนวูมีบทบาทของการเป็นผู้สอนด้านกาแฟ จึงมองว่าการแข่งขันแต่ละเวทีถือเป็นใบเบิกทางที่จะสร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือให้กับผู้เรียน รวมถึงเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าที่เข้ามารับคำปรึกษาอีกด้วย ทำให้แต่ละการแข่งขันล้วนเป็นเวทีสำหรับพิสูจน์ฝีมือและทบทวนวิชาไปในตัว


หากมองในภาพรวมอาจเป็นภาพของผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟคนหนึ่งเลยทีเดียวแต่กลับกันคุณฮยอนวูยังคงมองว่าตัวเองเป็นนักเรียนอยู่เสมอ เนื่องจากในโลกของกาแฟมีหลายสิ่งที่ยังคงเป็นความรู้ใหม่ รวมถึงในการแข่งขันแต่ละเวทีก็นับเป็นโจทย์ที่ยากแตกต่างกันไป เช่นเดียวกันกับการแข่งขันในครั้งนี้ที่คุณฮยอนวูยังคงตั้งใจฝึกซ้อมเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา


Cr : Coffee Traveler

" หนึ่งสิ่งที่เก็บเกี่ยวได้จากเวทีการแข่งขันคือประสบการณ์และแนวคิดของผู้เข้าแข่งขันท่าอื่น เราถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าสำหรับการทุ่มเทในแต่ละครั้ง ถึงแม้บางเวทีจะไม่ใช่ผู้ชนะ แต่ทุกครั้งที่แพ้เป็นการเรียนรู้เพื่อเติบโตขึ้น "


“การแข่งขัน Master Of Brewing เป็นการแข่งขันที่แสดงออกถึงแนวคิดและใช้กรีนบีน 16 ชนิดในการสื่อสาร โดยแบ่งออกเป็น Single Coffee 3 ถ้วย, Blending Coffee 3 ถ้วย, และ Signature Coffee 3 ถ้วย ซึ่งมีระยะเวลาในการเตรียมตัวประมาณ 4 เดือน ดังนั้นเมื่อซื้อกรีนบีนมาครบ 16 ชนิดแล้ว จึงทำการตรวจสอบทั้งก่อนและหลังคั่วตัวอย่าง โดยเราเลือกใช้คีย์เวิร์ดว่า ‘Sanmi’และ ‘How to access special coffee easily and conveniently.’ ซึ่งเป็นการสกัดโดยการนำรสชาติของกาแฟออกมาในโทนของผลไม้รสเปรี้ยว ที่ได้หลายมิติ เช่น เบอร์รี ผลไม้เขตร้อน และผลไม้ตระกูลส้ม”


โดยคุณฮยอนวูใช้วิธีการสกัดที่เรียกว่า One - Pure Extraction เป็นการใช้ระดับการบดเบอร์ละเอียดเหมือนเอสเพรสโซ จากนั้นจึงเทน้ำให้เต็มกรวยดริป ซึ่งจะได้ปริมาณน้ำที่ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ในขณะที่น้ำกระทบกับผงกาแฟจะเกิดการกระแทกซึ่งเป็นความตั้งใจที่ต้องการให้เกิด Turbulence เพื่อให้น้ำเข้าไปสกัดกาแฟและสามารถไหลออกได้แบบ Smooth อีกทั้งเพื่อต้องการดึงรสหวานของเมล็ดกาแฟออกมา คุณฮยอนวูจึงนำเทคนิคนี้มาใช้ในการแข่งขัน “เราตั้งใจคิดสูตรการสกัดสำหรับการแข่งขันที่ง่ายในแบบที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ ซึ่งเรามองว่าถ้าเข้าใจหรือรู้จักกาแฟในมือดี การใช้วิธีการที่ไม่ซับซ้อนจะมาพร้อมผลลัพธ์ที่มีศักยภาพเสมอ รวมทั้งในการฝึกซ้อมเราได้ฝึกลำดับการเตรียมการของการแข่งขันไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเริ่มจากการหาแนวคิด การสุ่มตัวอย่างเมล็ดกาแฟ สูตรการสกัด การแสดงความคิดเห็น และการสาธิตเต็มรูปแบบ ทำให้ช่วยลดความตื่นเต้นในตอนแข่งขันจริงได้ค่อนข้างมาก”


แน่นอนว่าการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการแข่งขันเปรียบเสมือนมีขาข้างหนึ่งรออยู่แล้วหลังเส้นชัย ซึ่งตัวของคุณฮยอนวูก็เป็นจริงตามนั้น เนื่องจากรสชาติของกาแฟที่สกัดออกมานั้นมีความซับซ้อนของ Acidity ในหลายมิติตามแผนของการสกัดที่วางไว้ตั้งแต่ตอนต้น


“ในการแข่งขันมีกาแฟมากมากหลายประเภทแตกต่างกัน ซึ่งอยู่ที่ว่าผู้เข้าแข่งขันจะแสดงให้เห็นถึงการเข้าใกล้ความพิเศษในแบบใด ทุกคนจึงแสดงให้เห็นในรสชาติที่น่าสนใจและดึงดูดใจพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามสำหรับ

การแข่งขันจำเป็นต้องใช้เกณฑ์ต่าง ๆ ในการตัดสิน ซึ่งต่างจากชีวิตจริงที่ทุกคนสามารดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟในแบบที่ตัวเองชอบได้อย่างอิสระ ดังนั้นทุกคนต่างหลงใหลในรสชาติของกาแฟที่ต่างกัน และเมื่อการแข่งขันจบลงกลับกลายเป็นได้มิตรภาพและได้แลกเปลี่ยนความรู้ รวมถึงแชร์เทคนิคของกันและกันอีกด้วย สิ่งนี้เรามองว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่นนอกจากในเวทีการแข่งขัน”


ดังนั้นสำหรับการแข่งขันแล้วคุณฮยอนวูยังคงเป็นคนที่มี Positive Mind อยู่เสมอ ซึ่งไม่ได้เฝ้ามองแต่รางวัลหรือชื่อเสียงหลังเส้นชัย แต่กลับโฟกัสที่สิ่งสำคัญระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็น ทีมที่คอยซัพพอร์ต มิตรภาพจากการแข่งขัน และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กาแฟที่หลากหลายจากผู้เข้าแข่งขันจากทั่วโลก


“หนึ่งสิ่งที่เก็บเกี่ยวได้จากเวทีการแข่งขันคือประสบการณ์และแนวคิดของผู้เข้าแข่งขันท่านอื่น เราถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าสำหรับการทุ่มเทในแต่ละครั้ง ถึงแม้บางเวทีจะไม่ใช่ผู้ชนะ แต่ทุกครั้งที่แพ้เป็นการเรียนรู้เพื่อเติบโตขึ้นและ

เป็นคนที่เก่งขึ้นในครั้งต่อไป”


การพูดคุยกับคุณฮยอนวูในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้สนทนากัน แต่กลับสัมผัสได้ถึงพลังของการคิดบวกอย่างเหลือล้นเลยทีเดียว ซึ่งก่อนจบบทสนทนาคุณฮยอนวูยังฝากถึงผู้ที่กำลังตั้งใจในการทำงานด้านกาแฟหรือกำลังทำในสิ่งที่รักว่า “I hope you enjoy it.” ถือเป็นประโยคที่สั้นกระชับและเข้าใจง่าย แต่แฝงไปด้วยกำลังใจซึ่งมาในรูปแบบของประโยคที่นุ่มนวล


Cr : Coffee Traveler

อย่างไรก็ตามการได้พูดคุยกับแชมป์ทั้ง 3 ท่านถึงจุดเริ่มต้นไปจนถึงทัศนคติหรือมุมมองที่มีต่อกาแฟและการแข่งขันนั้น ทำให้ได้เข้าใจถึงสิ่งสำคัญที่อยู่ระหว่างจุดเริ่มต้นและเส้นชัยได้อย่างชัดเจน รวมถึงการตั้งเป้าหมายไปพร้อมกับการฝึกฝนก็นับเป็นนิสัยที่อาจหลงลืมไประหว่างทางในขณะที่กำลังลงมือทำบางสิ่งอย่างสุดแรง นอกจากนี้หนึ่งสิ่งที่สัมผัสได้จากบทสนทนาของทั้งสามท่านคงหนีไม่พ้นการหลงรักกาแฟอย่างสุดหัวใจ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ชอบดื่ม แต่เป็นชอบในแบบที่ต้องการเข้าใจและเข้าถึงในทุกสกิลของเรื่องกาแฟให้ได้มากที่สุด และถึงแม้บางสกิลจะช่ำชองแล้ว แต่ยังคงค้นหาสิ่งใหม่จากกาแฟได้อยู่เสมอ

 

Coffee Traveler

เป็นนิตยสารรายสองเดือน ที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นการส่งผ่านความรู้ทางด้านกาแฟ

และเสริมมุมความคิดในด้านธุรกิจกาแฟ

- - -

สมัครสมาชิกนิตยสารได้ที่ : IN BOX Facebook Coffee Traveler

Youtube : Coffee Traveler




231 views0 comments

Comments


bottom of page