top of page
Writer's picturecoffeetravelermag

อภิชา แย้มเกษร SALOTTO



" Salotto อีกหนึ่งชื่อที่วงการกาแฟต่างก็คุ้นหูกันเป็นอย่างดี ในฐานะผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์จากกาแฟทุกรูปแบบ ทั้งเครื่องบดเครื่องคั่ว เครื่องชง รวมถึงเมล็ดกาแฟ ภายใต้การนำของคุณติ๊ก (อภิชา แย้มเกษร) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซาลอตโต้ จำกัด ผู้มีประสบการณ์ในวงการกาแฟมามากกว่า 15 ปี "


Salotto อีกหนึ่งชื่อที่วงการกาแฟต่างก็คุ้นหูกันเป็นอย่างดี ในฐานะผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์จากกาแฟทุกรูปแบบ ทั้งเครื่องบด เครื่องคั่ว เครื่องชง รวมถึงเมล็ดกาแฟ อย่างไรก็ตาม Salotto ไม่ได้เป็นเพียงผู้นำเข้าเท่านั้น แต่ยังเป็นโรงคั่วกาแฟชื่อดัง ที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากร้านกาแฟ ภายใต้การนำของคุณติ๊ก (อภิชา แย้มเกษร) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซาลอตโต้ จำกัด ผู้มีประสบการณ์ในวงการกาแฟมามากกว่า 15 ปี

“ผมเปิดร้าน Salotto สาขาแรกในปี 2547 เป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ ถามว่าตอนนั้นรู้เรื่องกาแฟไหม คำตอบคือไม่รู้อะไรเลย โชคดีที่ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนที่เปิดร้านที่เชียงใหม่ก่อนเราสัก 1 - 2 ปี แต่ด้วยความที่เราเป็นคนซน อยากรู้อยากเห็น ผมจึงอยากเรียนรู้เรื่องกาแฟเพิ่มเติม ผมเริ่มศึกษาเรื่องกาแฟอย่างจริงจังครั้งแรกที่ดุสิตธานี ส่วนเทคนิคการชงกาแฟ ผมเรียนรู้จากเพื่อนที่เคยเป็นรูมเมทกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่บางแสน”


ด้วยความเป็นคนที่รักในการทดลอง ประกอบกับความกระตือรือร้นในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ร้านกาแฟ Salotto กลายเป็นที่รู้จักในหมู่คอกาแฟอย่างรวดเร็ว และด้วยรสชาติที่ดี จากวิธีการชงที่ง่าย จึงทำให้พอเปิดร้านไปได้ระยะหนึ่ง ก็เริ่มมีคนสนใจเข้ามาเรียนรู้เทคนิคการชงกาแฟของ Salotto มากขึ้น ซึ่งนั่นทำให้คุณติ๊กเริ่มมองเห็นถึงความต้องการความรู้และคุณภาพในการชงกาแฟที่กำลังเพิ่มขึ้น ประกอบกับต้องการหาคำตอบว่าสิ่งที่ตัวเองรู้นั้นถูกต้องหรือไม่ จึงได้ตัดสินใจไปศึกษาต่อที่ The American Barista & Coffee School ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา


“หลังจากเรียนจบกลับมา มันก็เริ่มมีการขยายงานมากขึ้น นอกจากเปิดร้านกาแฟแล้ว เรายังมีการขายเมล็ดกาแฟ แล้วก็การทำ product อื่น ๆ ที่ใช้ในร้านกาแฟ อย่างพวกช็อกโกแลต ชาไทย ชาเขียว วัตถุดิบที่ใช้ในร้านกาแฟ ตอนนั้นมันเริ่มขยายไปเรื่อย ๆ เพราะเราก็เริ่มสอนด้วย แล้วก็เป็นตัวแทนนำเข้าเครื่องชงกาแฟต่าง ๆ แล้วก็ขยายขึ้นไปอีก จนมาเป็นตัวแทนขายเครื่องคั่ว พอมาขายเครื่องคั่ว เราเพิ่มส่วนงานในด้านเซอร์วิสและติดตั้งบริการเข้าไปด้วย”



" ปัจจุบันที่เป็น version ที่ 8 ของ Tempesta ซึ่ง version นี้ เป็นเครื่องที่สมบูรณ์มาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการประกอบ วัสดุ อุปกรณ์ Motor ที่ใช้ แล้วเราก็ผลักดันให้เขาไป certify มาตรฐาน CE "


สู่การเป็นตัวแทนนำเข้าเครื่องคั่วกาแฟระดับโลก

“หลังจากเปิดร้านได้ประมาณสองปี บังเอิญมีคนต้องการนำเข้าเครื่องคั่วกาแฟและขอให้ผมช่วยหารค่าขนส่ง แต่ตัวผมในตอนนั้นยังไม่มีความรู้เรื่องคั่วกาแฟเลยแต่เรามีปัญหาเรื่องเมล็ดกาแฟอยู่ จากเหตุการณ์นั้นมันจึงทำให้เราต้องซื้อเครื่องคั่ว เครื่องคั่วเครื่องแรกผมต้องเอารถตัวเองไปขายเพื่อซื้อ แถมตอนนั้นก็ยังไม่รู้เลยว่าจะคั่วเป็นรึเปล่า ไม่รู้จะติดตั้งยังไงด้วย คือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเดียว แต่นั้นก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนชีวิต เป็นแรงกดดันให้เราต้องคั่วกาแฟ พอได้เครื่องคั่วมา ก็ได้คุณ วุฒิพร Seat2Cup เป็นอาจารย์คนแรก แล้วหลังจากนั้นเราคั่วมาเรื่อย ๆ”


ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อนที่การระบาดของโควิด-19 จะเริ่มขึ้น คุณติ๊กได้มีโอกาสรู้จักกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องคั่วกาแฟในประเทศเวียดนาม ก่อนจะตัดสินใจร่วมมือกันเพื่อสร้างเครื่องคั่วกาแฟแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา ที่รู้จักกันในชื่อ Tempesta


“Tempesta จะผลิตจากโรงงานที่เวียดนาม ซึ่งตลอดเวลาเราก็จะคุณกับเขาว่าจะปรับปรุงพัฒนา Tempesta ยังไงให้ดีขึ้น ตั้งแต่ version ที่ 1 2 3 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันที่เป็น version ที่ 8 ของ Tempesta ซึ่ง version นี้เป็นเครื่องที่สมบูรณ์มาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการประกอบ วัสดุ อุปกรณ์ Motor ที่ใช้ แล้วเราก็ผลักดันให้เขาไป certify มาตรฐาน CE เพราะการที่ผ่านมาตรฐาน CE มันเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าระบบไฟฟ้า และการประกอบใน Tempesta ได้มาตรฐานสูง ไม่ใช่งานตลาดทั่วไป ส่วนตัวผมค่อนข้าง happy กับ Tempesta ถึงแม้ว่าจะเป็นเครื่องระดับ Economic แต่ความทนทานและการทำงานผมรับรองได้”


ความสัมพันธ์ระหว่างคุณติ๊กกับธุรกิจคั่วกาแฟได้ก้าวไปอีกขั้น เมื่อเขาได้เป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจัดจำหน่ายเครื่องคั่วกาแฟ PROBAT ซึ่งเป็นบทบาทที่คุณติ๊กได้รับมาโดยบังเอิญ จากการเดินทางไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของ PROBAT ประเทศเยอรมนีกับเพื่อน ซึ่งความสนใจแรกของคุณติ๊ก มีเพียงแค่การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ PROBAT เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และความเชี่ยวชาญที่บริษัทได้สะสมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาเท่านั้น



" ณ ปัจจุบันเราได้เป็นตัวแทนทั้ง UG22 , PROBAT shop roaster และ PROBAT industrial roasters เราได้เป็นตัวแทนทั้งหมด ซึ่งไม่ได้ทุกประเทศที่จะได้เป็นตัวแทน PROBAT industrial "


“ตอนนั้น PROBAT กำลังทำ UG22 ซึ่งบริษัทที่ทำจะเป็นบริษัทลูกของ PROBAT ตอนค่ำคุณ Joachim Burgers ซึ่งเป็นเจ้าบ้านพาทัวร์ก็พาไปทานข้าวและได้พูดคุยกัน และเราได้ทราบว่า PROBAT UG เป็นโปรเจกต์ใหม่ซึ่งยังไม่มีตัวแทน แล้วเขาก็ถามว่าเราสนใจจะมาเป็นตัวแทนขาย UG22 ที่เมืองไทยไหม คือตอนนั้นผมก็ยังงง ๆ อยู่ แต่เมื่อโอกาสมาแล้ว ก็เลยโอเครับมา แล้วมาลองทำตลาดที่เมืองไทยดู หลังจากรับ UG22 มาได้ 6 เดือน ผมขายไปได้ 6 ตัว คือมันเป็นจังหวะที่พี่ ๆ น้อง ๆ อยากจะใช้เครื่องคั่ว PROBAT พอดี”


จุดเปลี่ยนมาถึงอีกครั้ง เมื่อบริษัทแม่อย่าง PROBAT เริ่มรู้จัก Salotto จากการขาย UG22 ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่สัญญาของตัวแทนเดิมในไทยหมดอายุลงและไม่ได้ต่อสัญญากับ PROBAT พอดี ทาง PROBAT จึงได้เชิญคุณติ๊กไปพูดคุยเรื่องสัญญา จากนั้น Salotto ก็ได้เป็นตัวแทนประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียวของ PROBAT shop roaster เป็นการเลื่อนมาเป็น step ที่ 2 จากตัวแทนบริษัทลูกมาเป็นตัวแทนบริษัทแม่นั่นเอง


“จากนั้นอีกประมาณ 1 ปี เราก็ได้เป็นตัวแทน PROBAT industrial roasters ณ ปัจจุบันเราได้เป็นตัวแทนทั้ง UG22, PROBAT shop roaster และ PROBAT industrial roasters เราได้เป็นตัวแทนทั้งหมด ซึ่งไม่ได้ทุกประเทศที่จะได้เป็นตัวแทน PROBAT industrial ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ ที่ผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน”



มองอนาคตวงการกาแฟไทย

“ตลาดกาแฟไทยตอนนี้ดีมาก ๆ ถ้ามองเฉพาะตลาดเครื่องคั่ว สำหรับผมก็คิดว่ามันเป็นโชคมาก ๆ แล้ว เพราะ Tempesta เองผมก็ขายไปเกือบ 60 กว่าตัว PROBAT เกือบ 70 ตัว คือตั้งแต่ช่วงโควิด ตอนนั้นทุกคนคิดว่าตลาดมันจะดาวน์ แต่กลับกลายเป็นว่า คนซื้อเครื่องคั่วเล็ก ๆ มาคั่วกาแฟกันเยอะขึ้น พอเศรษฐกิจฟื้นคืนกลับมา ร้านกาแฟต่าง ๆ ก็ต้องการมีอัตลักษณ์เป็นของตนเองมันก็เลยเป็นโอกาสที่เราจะได้ดูแลผู้ที่ต้องการคั่วกาแฟ มันจึงเป็นโอกาสของเราที่ทำให้เรามียอดขายที่เกินคาด”


คุณติ๊กให้ความเห็นเกี่ยวกับตลาดอุตสาหกรรมกาแฟของไทย ที่เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และในฐานะผู้ใหญ่ในวงการ ผู้เคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกาแฟพิเศษไทยคนแรก เรื่องราวการเดินทางและคำแนะนำของคุณติ๊ก ย่อมมีคุณค่าต่อผู้ที่ชื่นชอบ และคนรุ่นใหม่ที่ใฝ่ฝันอยากจะประสบความสำเร็จในวงการกาแฟได้


“บางครั้งเมื่อเราเจอของใหม่ ๆ เราต้องไม่กลัวที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม ผมเริ่มต้นจากคนที่อยู่หน้าบาร์ชงกาแฟ มาเป็นผู้ผลิต product มามีโรงงานโพรเซสกาแฟ มีโรงคั่ว จนมาเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องชงเครื่องคั่ว คืองานของผมเกือบจะตั้งแต่เกษตรกรยัน engineer คนเราทุกคนไม่มีใครมีความรู้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่สิ่งที่สำคัญของคนที่จะประสบความสำเร็จ คือคนที่ทำตัวเหมือนฟองน้ำ ที่พร้อมจะซึมซับความรู้ตลอดเวลา ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ แล้วไปถามผู้รู้ หาความรู้ใส่ตัวตลอดเวลา เพื่อให้เราจะได้เข้าใจในสิ่งที่เราทำให้ดีที่สุด แล้วทำมันออกมาได้ดีที่สุด”


คำแนะนำของคุณติ๊ก ไม่ได้เกี่ยวกับการพัฒนาทางวิชาชีพเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมความเป็นเลิศในอุตสาหกรรมกาแฟไทยอีกด้วย โดยคุณติ๊กกล่าวว่า เขาได้เห็นความก้าวหน้าของกาแฟ ผ่านการแข่งขันที่เกิดขึ้น เช่น การแข่งขันสุดยอดเมล็ดกาแฟไทย จากสมาคมกาแฟพิเศษไทย ซึ่งการแข่งขันเหล่านี้ ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญ โดยกระตุ้นให้เกษตรกรไทย พยายามพัฒนากาแฟของตนให้ดีขึ้น และได้รับการยอมรับในวงกว้างมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าเป้าหมายสูงสุด คือการให้ผู้บริโภคได้ดื่มด่ำกับกาแฟคุณภาพสูง ซึ่งจะช่วยยกระดับตลาดกาแฟไทยในภาพรวมได้ในที่สุด


“พอได้กินกาแฟอร่อย ๆ มันก็จะมีการบอกต่อ จนเป็น environment เป็น culture ที่ทำให้รู้สึกว่า กาแฟในเมืองไทย มันไม่ใช่กาแฟเดิม ๆ ที่ดื่มแล้วมีแต่รสขม แต่กาแฟในเมืองไทย มีการพัฒนาที่ดีขึ้น แล้วก็มีเรื่องของ specialty ด้วยเพราะฉะนั้นตลาดมันยังโตได้อีกเยอะ ถ้าเราช่วยกันพัฒนาทั้งองค์รวมของตลาดกาแฟ มันจะทำให้ตลาดกาแฟไทย โตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน”


คนเราทุกคนไม่มีใครมีความรู้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่สิ่งที่สำคัญของคนที่จะประสบความสำเร็จ คือคนที่ทำตัวเหมือนฟองน้ำ ที่พร้อมจะซึมซับความรู้ตลอดเวลา ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ แล้วไปถามผู้รู้ หาความรู้ใส่ตัวตลอดเวลา เพื่อให้เราจะได้เข้าใจในสิ่งที่เราทำให้ดีที่สุด แล้วทำมันออกมาได้ดีที่สุด


 

Coffee Traveler 

เป็นนิตยสารรายสองเดือน ที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเป็นการส่งผ่านความรู้ทางด้านกาแฟ

และเสริมมุมความคิดในด้านธุรกิจกาแฟ

- - -

สมัครสมาชิกนิตยสารได้ที่ : IN BOX

Facebook Coffee Traveler 

Youtube : Coffee Traveler 

20 views0 comments

Comments


bottom of page